วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

การรับใช้ที่โบสถ์สัตหีบอีกครั้ง...

วันเสารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2551 เราและครอบครัวได้มีโอกาสไปร่วมนมัสการที่โบสถ์สัตหีบอีกครั้งหนึ่ง นานแล้วเหมือนกันที่เราได้ไปที่นั่น แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้มาร่วมอีกครั้ง แต่ละคนก็แบ่งหน้าที่รับผิดชอบกัน ผู้ใหญ่, เด็ก ๆ ก็ต้องทำหน้าที่ช่วยกันทำงานรับใช้พระเจ้า โบสถ์สัตหีบเป็นโบสถ์ลูกของโบสถ์โรงพยาบาลมิชชั่น ซึ่งทางโบสถ์โรงพยาบาลมิชชั่นจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบดูแล โดยการส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมและทำหน้าที่รับผิดชอบในโบสถ์ทั้งหมดเดือนละหนึ่งครั้ง คือทุกสัปดาห์ที่สองของทุกเดือน

...กลุ่มเยาวชนรับหน้าที่ร้องเพลงพิเศษช่วงโรงเรียนวันสะบาโต และเด็ก ๆ รับผิดชอบร้องเพลงช่วงเทศนา แต่ละกลุ่มทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีทีเดียว

...เสร็จจากนมัสการกลุ่มเราได้มีโอกาสแวะชมธรรมชาติที่หาดสอ และเราได้ร่วมกันฝึกร้องเพลงประสานเสียงกัน ทุกคนร้องเพลงได้ไพเราะนะ เราฝึกกันและคิดว่าสักวันหนึ่งเราจะร้องเพลงนี้เป็นเพลงพิเศษให้สมาชิกได้ฟังกัน และก็เป็นโอกาสดีที่เราได้เริ่มต้นฝึกร้องเพลงประสานเสียงกัน เราจะฝึกกันต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ตัวแทนเยาวชนจากโบสถ์โรงพยาบาลมิชชั่นจะเข้าร่วมโครงการครูอาสาอีกครั้ง 14-17 กพ.51

และก็ได้โอกาสดีอีกครั้งที่ตัวแทนเยาวชนจะได้เข้าไปร่วม "โครงการครูอาสารุ่น 99" กับ มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งที่สอง ของปีนี้ หวังว่าทุกคนคงจะได้ประสบการณ์ดีดีนะเพื่อจะได้นำไปประยุกต์ใช้ได้กับคนที่อยู่ในเมืองหลวง เพราะดูเหมือนว่าเด็กชนบทจะเป็นเด็กที่ขาดโอกาสและน่าสงสาร แต่ถ้ามองดูด้านจิตใจแล้ว เด็กที่อยู่ในเมืองกลับน่าสงสารมากกว่าซะอีก เพราะส่วนใหญ่ขาดความอบอุ่นทางด้านจิตใจ ขาดความรู้สึกและบรรยากาศของการเป็นครอบครัว เพราะชีวิตมีแต่รีบเร่ง...จนทำให้บางครั้งไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองมีค่าอย่างไร?
...สิ่งที่แน่นอนคือสิ่งที่ไม่แน่นอน และแล้วทุกอย่างที่วางแผนไว้ก็ไม่เป็นไปตามแผน ตัวแทนเยาวชนอีก 4 คนก็เหตุฉุกเฉินไม่สามารถไปร่วมกิจกรรมครูอาสาได้ แต่ก็ไม่เป็นไรเรายังคงมุ่งมั่นต่อไป ครั้งนี้เราเข้าไปหมู่บ้านอาจ่า ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชนเผ่าอาข่า หมู่ 11 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย การเข้าหมู่บ้านต้องเดินเท้าเข้าหมู่บ้าน(ที่จริงทางรถยนตร์ถึง แต่อยากให้ครูฝึกความอดทนมั้ง) เสร็จแล้วก็มาถึงหมู่บ้านเป้าหมาย และกลุ่มเรายังมีโอกาสไปพักหายเหนื่อยที่น้ำตกห้วยแม่ซ้ายด้วย หลังจากที่เดินทางมาเหนื่อย ๆ แต่คราวนี้ดีที่มีรถพาไปไม่ต้องเดินอีกแล้ว น้ำตกก็ทำให้เย็นชุ่มฉ่ำดี คืนนี้ 14 กพ. 51 เห็นบอกว่าเป็นงานฉลองประจำปีซึ่งมีการแสดงของชนเผ่าต่าง ๆ มาแสดงท่ามกลางหุบเขาแห่งความรัก และยังมีดนตรีของ หงา คาราวาน มาแสดงให้ดูด้วย ไม่น่าเชื่อว่าไกลอย่างนี้จะมีดนตรีดี ๆ ให้ดูด้วย
...ทุกวันเราตื่นแต่เช้าทำอาหารกันเอง และกินกับครอบครัวของนักเรียนที่เราพักอาศัยอยู่ด้วยเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนกับเราย้อนอดีตไปอีก 30 กว่าปี สมัยเรายังเป็นเด็กเพราะนี่คืออดีตสมัยเด็กของเรา ใคร ๆ หลายคนอาจจะตื่นเต้น แต่เรากลับไม่รู้สึกแบบนั้น เรารู้สึกภูมิใจที่ได้นำอธิษฐานก่อนกินข้าวทุกมื้อให้กับครอบครัวที่เราไปอยู่ด้วย และได้แสดงให้เพื่อนครูอาสาด้วยกันได้เห็นถึงแบบอย่างของคริสเตียน อย่างน้อยเขาก็จะได้รู้ว่าการอธิษฐานคือส่วนหนึ่งของชีวิตคริสเตียนล่ะ
...ครูอาสาทุกคนร่วมใจกันปฏิบัติภารกิจการสอนกันอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าเป้าหมายของการสอนจะผิดไปจากโรงเรียนประถม มาเป็นโรงเรียนก่อนอนุบาล ก็ไม่เป็นไร ทุกคนตั้งใจกัน สนุกสนานทำกิจกรรมเล่นกับเด็ก ๆ และเด็ก ๆ ก็รู้สึกจะชอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่ครูได้จัดให้กับเขาเหล่านั้นเช่นกัน ทุกคนดูมีความสุขกันทั่วหน้า